ช่องว่างระหว่างพื้นชานชาลาและระดับพื้นในตู้รถไฟฟ้า มีความสูงและความห่างแตกต่างกัน มากน้อยขึ้นอยู่กับการออกแบบระบบ จากตัวแปรหลักๆ คือ 1) ความเร็วรถไฟที่วิ่งผ่านและ 2) การเหวี่ยงของตัวตู้รถ
เรามักพบว่าระบบเก่า มีความสูง ความห่างค่อนข้างมาก, ระบบใหม่ๆ ดีขึ้นเยอะ
ระดับที่แตกต่างกันนี้ เช่นเดิม ส่งผลกระทบมากน้อยถึงผู้โดยสารต่างๆ กัน คนทั่วไปเราก็ได้รับรายงานมีคนก้าวพลาดตกร่องชานชาลากันบ่อยๆ
ส่วนกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากการออกแบบนี้มากที่สุด คือ กลุ่มคนที่นั่งรถเข็นครับ
ผู้ใช้รถเข็นจะสามารถเข็นข้ามช่องว่างและพื้นต่างระดับได้ในระดับหนึ่ง แต่หากกว้างไปหรือสูงไป ก็ต้องอาศัยอุปกรณ์มาช่วยเหลือ เช่น ทางลาดแบบพกพานี้
อยากให้พวกเราเข้าใจได้ชัดๆ ทางลาดแบบพกพานี้ ถือเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือที่ไม่ควรเกิดขึ้น ผมหมายถึง ภาพในฝัน หากทำได้เราอยากให้ช่องว่างและระดับความต่างของพื้นต้องแทบไม่มี
หลักการออกแบบเพื่อทุกคนที่ดี (Universal & Inclusive Design) คือ จำเป็นมากที่ต้องออกแบบให้ทุกคนเดินทางได้ด้วยตัวเองให้มากที่สุด, และแน่นอนต้องปลอดภัย ไม่ซับซ้อน ลดเวลา ลดกำลังคนของผู้ให้บริการ แต่เมื่อมันมีข้อจำกัดจากตัวแปลสำคัญ ทำอะไรไม่ได้ ถึงต้องมีระบบเพิ่มเติมมาช่วยเหลือ เช่น ทางลาดแบบนี้
สำหรับผมแล้วแข็งแรงมาก ช่องว่าง ความสูงเท่านี้สามารถผ่านได้สบายๆ ครับ แต่ที่ต้องใช้บ่อยๆ เป็นการทดสอบ เป็นการกระตุ้นสังคมในภาพรวมทั้งประชาชนที่กำลังเดินทางและเป็นการฝึกงานให้กับผู้ให้บริการครับ
‘ทางลาดแบบพับได้ ยังเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น’ เพราะเรามีระบบเก่าที่ยังแก้ไขไม่ได้ ก็ยังดีใจที่เห็นแนวโน้มที่ระบบใหม่ดีขึ้นทุกๆ วันครับ
ผมพูดเสมอๆ เมื่อเราให้สิ่งดีๆ กับสังคม สิ่งเหล่านี้จะตอบแทน เป็นมูลค่ามหาศาลกลับคืนครับ และสำคัญที่สุด ไม่พูดไม่ได้ นี่คือหน้าตาของประเทศ การท่องเที่ยว ที่จะส่งเสียง กระทบเป็นวงกว้างในเวทีระดับโลกครับ