จิตวิญญาณของประเทศญี่ปุ่น | Spirit of Japan

ประเทศญี่ปุ่น‘ เป็นประเทศแรกที่ผมเลือก เมื่อผมเริ่มต้นการเดินทาง การเดินทางท่องเที่ยวในแบบฉบับของผม ที่ไม่ใช่การท่องเที่ยวธรรมดา การได้ไปสัมผัสด้วยตัวเราเอง เพื่อค้นหาคำตอบในทุกๆ ด้านที่ผมสนใจ ไม่ว่าจะเป็น สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ความคิด ความเป็นไปของผู้คนในสังคม และความเท่าเทียมในการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะ เยอะดีไหมครับ?

ย้อนเวลากลับไปของการออกท่องเที่ยวในครั้งแรก ต้องบอกว่า เป็นทริปที่วุ่นวายกันสุดๆ แต่ก็สนุกสุดๆ เช่นกันครับ
6 วันที่นั่น การเดินทางแต่ละวัน ผมได้พบคนพิการทุกประเภท เราเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทมากมาย สิ่งที่เห็น ทุกๆ คน ทุกสภาพร่างกาย เดินทาง ไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเองเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆ

ภาพๆ นี้เป็นภาพจาก ทริปแรกครับ ผมยังจำได้ วันสุดท้าย เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางความรีบเร่งที่จะเดินทางไปสนามบิน
ในชั่วโมงเร่งด่วนที่มีผู้คนเดินทางกันอย่างแทบไม่มีช่องว่าง ที่สถานีรถไฟฟ้าแห่งหนึ่งระหว่างทาง ผมจ๊ะเอ๋กับคุณน้าท่านนี้เดินทางมาพร้อมกับผู้ช่วย

‘เห้ย นี่คือพระเอกของทริ๊ปนี้!!!’ ผมคิดในใจพร้อมๆ กับปรี่เข้าไปทักทาย ดีใจครับ คุณน้าแกจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ยังโชคดีที่ผู้ช่วยยังได้บ้าง
เราได้พูดคุย รู้จัก แลกเปลี่ยนความคิดระหว่างสองวัฒนธรรมกันอย่างสนุกสนานและผมได้ข้อมูลสำคัญ แกบอกกับผมว่าจริงๆ แล้วสิ่งอำนวยความสะดวกที่ญี่ปุ่นก็เพิ่งทำมาได้ไม่นานนี่เองนะ!

เป็นเรื่องที่น่าทึ่งครับ ที่บ้านเมืองเขาสร้างระบบทุกอย่างมารองรับคนพิการ ให้สามารถเดินทางได้ ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขได้ ไม่ว่าสภาพร่างกายจะเป็นแบบไหน
เป็นเรื่องที่น่าทึ่งที่เขาบอกว่า ‘เขาจะทำแล้วเขาก็ทำตามนั้น’ ตรงไปตรงมา ผลคือปัจจุบันคนในสังคมที่นั่นมีความเท่าเทียมสูงมาก ตามที่เราเห็น

ประเทศญี่ปุ่น‘ เป็นประเทศแรกที่ผมเลือก เมื่อผมเริ่มต้นการเดินทาง การเดินทางท่องเที่ยวในแบบฉบับของผม ที่ไม่ใช่การท่องเที่ยวธรรมดา การได้ไปสัมผัสด้วยตัวเราเอง เพื่อค้นหาคำตอบในทุกๆ ด้านที่ผมสนใจ ไม่ว่าจะเป็น สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ความคิด ความเป็นไปของผู้คนในสังคม และความเท่าเทียมในการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะ เยอะดีไหมครับ?

ย้อนเวลากลับไปของการออกท่องเที่ยวในครั้งแรก ต้องบอกว่า เป็นทริปที่วุ่นวายกันสุดๆ แต่ก็สนุกสุดๆ เช่นกันครับ
6 วันที่นั่น การเดินทางแต่ละวัน ผมได้พบคนพิการทุกประเภท เราเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทมากมาย สิ่งที่เห็น ทุกๆ คน ทุกสภาพร่างกาย เดินทาง ไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเองเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆ

ภาพๆ นี้เป็นภาพจาก ทริปแรกครับ ผมยังจำได้ วันสุดท้าย เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง ท่ามกลางความรีบเร่งที่จะเดินทางไปสนามบิน
ในชั่วโมงเร่งด่วนที่มีผู้คนเดินทางกันอย่างแทบไม่มีช่องว่าง ที่สถานีรถไฟฟ้าแห่งหนึ่งระหว่างทาง ผมจ๊ะเอ๋กับคุณน้าท่านนี้เดินทางมาพร้อมกับผู้ช่วย

‘เห้ย นี่คือพระเอกของทริ๊ปนี้!!!’ ผมคิดในใจพร้อมๆ กับปรี่เข้าไปทักทาย ดีใจครับ คุณน้าแกจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ยังโชคดีที่ผู้ช่วยยังได้บ้าง
เราได้พูดคุย รู้จัก แลกเปลี่ยนความคิดระหว่างสองวัฒนธรรมกันอย่างสนุกสนานและผมได้ข้อมูลสำคัญ แกบอกกับผมว่า ‘จริงๆ แล้วสิ่งอำนวยความสะดวกที่ญี่ปุ่นก็เพิ่งทำมาได้ไม่นานนี่เองนะ!

เป็นเรื่องที่น่าทึ่งครับ ที่บ้านเมืองเขาสร้างระบบทุกอย่างมารองรับคนพิการ ให้สามารถเดินทางได้ ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขได้ ไม่ว่าสภาพร่างกายจะเป็นแบบไหน
เป็นเรื่องที่น่าทึ่งที่เขาบอกว่า ‘เขาจะทำแล้วเขาก็ทำตามนั้น’ ตรงไปตรงมา ผลคือปัจจุบันคนในสังคมที่นั่นมีความเท่าเทียมสูงมาก ตามที่เราเห็น

ด้วยเวลาที่จำกัด เราต้องรีบไปสนามบิน  ถึงทุกวันนี้ผมยังระลึกถึงคุณน้าแกเสมอ นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมอยากกลับไปญี่ปุ่นอีกครั้ง เพื่อไปหาคำตอบ และภาวนาขอให้เจอแกอีกครับ คุณลุงผู้มีความสุข คุณลุงที่ทำให้ผมมองเห็นภาพความแตกต่างอย่างชัดเจนมาก และคุณลุงทำให้ผมนึกถึง คำๆ นี้ครับ ‘จิตวิญญาณของประเทศญี่ปุ่น Spirit of Japan’ ครับ

หมายเหตุเริ่มเขียนตอนเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ที่กรุงเทพ – บนเครื่องเผยแพร่ ณ ที่สนามบิน Noi Bai, เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม

About saba

เราจะเป็น #หนึ่งพลัง ร่วมเปลี่ยนแปลงสังคม We will be THE ONE who change our country[มานิตย์ ซาบะ อินทร์พิมพ์][Manit Saba Intharapim][マニト・サバ・インサラピム]