ผมรู้จัก Alex ตั้งแต่ผมทำประเด็น accessibility ครับ
เราคุยกันมาตลอดตั้งแต่นั่นเป็นต้นมา
มือของ Alex แข็งแรงไม่เท่าผมครับ
เพราะจุดที่เส้นประสาทเสียหายจากอุบัติเหตุอยู่ในระดับสูงกว่าผม
ทำให้ใช้มือได้ไม่เต็มที่นัก แต่เชื่อไหม
Alex เข็นรถเอง ไวกว่าผมซะอีกน่ะ
Alex อยุ่เกาะสมุย เพิ่งแต่งงานกับสาวไทยน่ารักเมื่อไม่นานมานี้เลย
หนนี้มา กทม มาจัดการวีซ่าครับ
เวลาตรงกันเลยได้นัดเจอกัน
เจอกันหนแรก ผมเลือกห้างที่ชอบในใจล่ะ
ได้แลกเปลี่ยนความคิดและเรื่องราวเกี่ยวกับผู้พิการ ระหว่าง UK และไทย
เป็นที่สนุกสนานครับ
เราลงไปหากาแฟทานกันที่ Starbucks
ผมกับ Alex สงสัยพอกัน ว่าทำไมต้องมียกพื้นขึ้นไป 1 ขั้น ตามภาพครับ
ผมต้องขอบอกว่า คนที่ด้อยศักยภาพทางด้านร่างกายทุกคน
อยากที่จะทำอะไรด้วยตัวเองทั้งนั้นครับ
อย่างผมนี่ลุยเองตลอด
จนกว่าจะไปไม่ได้จริงๆ ค่อยว่ากัน
ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเพื่อนๆ รอบตัวน่ารัก
และยินดีที่จะช่วยทั้งนั้นครับ
แต่ผมเลือกที่จะทำเอง เพราะการขอร้องให้ช่วย
สำหรับผมแล้วเป็นความกดดันที่ผมเลี่ยงอย่างที่สุด
แค่การยกพื้น 1 step สำหรับคนที่ใช้รถเข็นแล้วเป็นเรื่องใหญ่มาก
จริงๆ แล้วร้านที่ยกพื้นแบบนี้ มีปัญหากับแทบทุกคนละครับ
Alex บอก ‘เขาถึงต้องเขียนไว้ที่พื้น ให้ระวังพื้นยกสูง’
สุดท้ายผมก็ขอคุยกับผู้จัดการร้านครับ
น้องพนักงานบอกกลับบ้านไปแล้ว
(แปลกครับ ขอเจอ ผจก ทีไร บอกกลับบ้านทุกที – หรือว่ากำหนดให้ตอบลูกค้าไว้แบบนั้นนะนี่?)
น้องพนักงานแจ้งว่า ที่พื้นยกสูงแบบนี้
เพราะร้านเข้ามาหลังจากที่ห้างสร้างเสร็จแล้ว เลยทำอะไรไม่ได้
ผมเลยบอกไปว่า ทำทางลาดง่ายแสนง่าย
สมมุติหากมีคนสะดุดแล้วล้มที่หน้า Starbucks เรื่องใหญ่กว่านี้มาก
ผมเลยฝากนามบัตรไว้แล้วแจ้งปัญหา, ร้องขอให้แก้ไขทำทางลาด
ครั้งหน้าผมไป ผมจะแวะไปคุยอีกครับ