คุณลุง Shoji หนึ่งในผู้สร้างประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวที่ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น  มหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจของโลก  หลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมด้านอิเลคทรอนิค หุ่นยนต์, ผลิตรถยนต์
และตอนนี้ที่บูมหนักมาก คือ การท่องเที่ยว จะเห็นได้ว่าคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นเยอะมากๆ
รวมถึงทางด้านการคมนาคมขนส่ง และสิ่งอำนวยความสะดวก ที่มีมาตรฐานสูงที่สุด ปฏิเสธไม่ได้ว่า ญี่ปุ่นคือเบอร์หนึ่ง

ผมได้รับข้อมูลนานแล้วครับ นี่เป็นที่มา ทำไมผมเลือกเดินทางไปญี่ปุ่น ก็เพราะอยากสัมผัสและไปค้นหาคำตอบเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง

เมื่อเริ่มไปครั้งแรกก็เริ่มค่อยๆ ได้ข้อมูล ค่อยๆ ได้ความเชื่อมโยง ส่งผลให้วางแผน ‘ต้องไปอีก’ เพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
ผมไปท่องเที่ยวจะไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะเป้าหมายผมคือเพื่อไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้

การเคลื่อนไหวงานคนพิการ ที่เมืองไทย เรามีกลุ่มคนพิการ ผู้นำหลายๆ ท่าน ถอยหลังไปกว่า 30 ปีที่แล้ว ที่ผมพอที่จะได้ช่วยทำงานอยู่เบื้องหลัง
พอได้รู้จัก ได้มีโอกาสร่วมทำงานมีหลายๆ ท่าน เช่น ท่านอาจารย์ณรงค์ ปฏิบัติสรกิจ, พี่(พันโท) ต่อพงษ์ articleกุลครรชิต, อาจารย์สุภรธรรม มงค์คลสวัสดิ์

ที่ต้องกล่าวถึงยืดยาว ก็เพราะการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งที่ 2 นี้ โจทย์ของผม คือ “ไปคุยกับกลุ่มคนที่มากกว่าเป็นผู้ใช้บริการธรรมดาทั่วๆ ไป”
และจากการพูดคุย ด้วยคำแนะนำจากพี่เสาวลักษณ์ สาวแกร่ง, คุณสว่าง T4A ทำให้ผมได้รู้จักชื่อนักเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งท่าน คือ คุณโชจิ ท่านนี้

“คุณโชจิเป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือ มีบุญคุณกลับประเทศไทยและอีกหลายๆ ประเทศมาตั้งแต่ยุคพี่ต่อพงษ์แล้ว” : อาจารย์ตั๋นให้ข้อมูลผมมา

ก่อนเดินทาง เราส่งจดหมายแนะนำตัว พูดคุยกันไปมา และการที่ผมได้เข้าไปเยี่ยม DPI-JAPAN ก็เพราะคุณโชจิได้ช่วยกรุณาเชื่อมต่อให้ครับ
ต้องเรียกได้ว่าที่สุดแล้ว ผมตั้งใจสูงมากกับการเดินทางครั้งนี้ ผมเองถนัดทำงานแบบ individual แบบอยากทำลุยเลย อะไรทำนองนั้น งานแบบนี้ผมรู้สึกสนุกครับ

ต่อไปผมขอเรียกคุณลุงโชจินะครับ ^^

คุณลุงโชจิให้ความกรุณามากๆ ครับ ท่านให้เวลาผมเข้าพบทั้งวันเลยครับ จากที่พักเราเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง (จริงๆ แล้วเวลาเดินทางประเมินคือ 1 ชั่วโมง แต่เพราะเสียเวลาเดินทางมากในช่วงเวลาเร่งด่วน)

คุณลุงโชจิเมื่อก่อนท่านดูแลองค์กร DPI-JAPAN, ตอนนี้ท่านดูแลองค์กรของท่าน คือ Human Care (http://www.humancare1986.jp/)
พอไปถึงปุ๊บ ท่านก็พาผมไปสวัสดี แนะนำตัวกับพนักงานทุกกกก คน ‘ย้ำ ทุกคน’ ครับ ทุกๆ ท่านน่ารักมากๆ ครับ แล้วเราก็ได้นั่งประชุมกัน

คุณลุงโชจิได้เล่าเรื่องความเป็นมา ตั้งแต่แรกเริ่ม ในงานการเคลื่อนไหวที่ญี่ปุ่น งานที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานต่างๆ ให้ฟัง ตั้งแต่ยุคปี 1999 นู้นนนน นนนน ล่ะครับ

ได้เห็น video ที่ท่านและกลุ่มคนพิการที่ญี่ปุ่นออกมาเรียกร้องที่สถานีรถไฟชินจุกุ เมื่อ 18 ปีที่แล้ว พร้อมกับข่าวที่ออกตามสื่อทั่วประเทศ และทุกวันนี้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สูงมาก เราได้รับทราบภาพรวมของแผนการพัฒนาประเทศในด้านการเข้าถึง ที่เรียกว่าดีมากๆ อยู่แล้ว เขาบอก ‘ยังต้องทำให้ดีกว่า…’ กำลังปรับกฏหมายและเดินต่อครับ ผมเองก็พอมีโอกาส ได้นำเสนองานที่พวกเราเคลื่อนไหวให้ทุกๆ คนได้ดูอย่างคร่าวๆ ด้วยเช่นกัน

ข้อมูลสรุปที่ได้จากฝั่งคุณลุงโชจิสอดคล้องกับ DPI-JAPAN ครับ เพิ่มเติมคือ:
1. เดี๋ยวนี้ที่ญี่ปุ่นไม่ต้องออกไปเรียกร้องแล้วแก้กฏหมายและทุกคนก็ทำตามนั้น
2. ญี่ปุ่นไม่ได้ใช้ Platform Lift (ลิฟท์เกาะราวบันได) แล้ว จะมีก็สถานีเก่าๆ ที่ยังใช้อยู่ ส่วนที่เกาหลีมีการใช้งานแบบไม่ได้ดูแล เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต อย่างน้อย 3 รายแล้ว

สำหรับผมแล้ว ข้อมูลเหล่านี้มีมูลค่ามหาศาล และยิ่งได้มานั่งฟังกับปากของท่านเอง นี่คือที่สุดครับ
ช่วงเที่ยงท่านเลี้ยงข้าว และช่วงบ่ายท่านก็ให้สาวสวยเป็นไกด์ พาเราเที่ยวดูสิ่งอำนวยความสะดวกที่เมืองฮาชิโอจิ ดีใจครับ

ก่อนจากกัน ท่านได้บอกกับผมหนึ่งคำ… ‘เราทำงานเพื่อคนรุ่นหลัง…’ ครับยกมือท่วมหัว เป็นพรที่ผู้ใหญ่ให้กับเรา และนำมาฝากทุกๆ ท่านครับ…

จากการเดินทางไปญี่ปุ่น 2 ครั้งสิ่งที่ผมเห็น:
ในภาพรวมของปัญหา การเคลื่อนไหว ในการจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานของทั้งญี่ปุ่นและไทยไม่ต่างกัน
ญี่ปุ่นดีกว่าบ้านเรามากตรงที่ ‘กฏหมายยังไม่ดี ก็แก้ไขกฏหมาย และทุกคนก็ปฏิบัติตาม’ ง่ายๆ เท่านั้นเอง
ส่วนบ้านเรานั้น กฏหมายดีมากแล้ว แต่การบังคับใช้และปฏิบัติตาม ก็เป็นอย่างที่เราเห็นกัน’ ครับ

ช่วงท้าย ภริยาคุณลุงโชจิ ‘Nakanishi’ คุยกับผมว่า ‘ มาญี่ปุ่นใช้งบตัวเองแบบนี้แพงมากเลยนะ’ ผมพยักหน้าและตอบท่านว่า ‘ครับ แพงมาก สุดๆ แต่ทำอย่างไรได้…’

ผมกลับมาไทยด้วยความอิ่มใจ เต็มที่แล้วกับการเดินทางครั้งนี้ แถมทุกๆ ท่านที่เมืองไทยพอทราบว่าผมจะไปเยี่ยมคุณลุงโชจิ ก็รุมกันฝากสวัสดีใหญ่เลย
ผมเลยกลายเป็นซานต้า หอบขนม หอบความปราถนาดีไปหาถึงที่เลยครับ ผมเชื่อมั่นว่าต่อๆ ไปการเชื่อมต่อ การทำงานร่วมกันเราจะค่อยๆ เกิดขึ้นทีละนิดๆ

เอาไว้เราเจอกันอีกนะครับคุณลุง ‘Shoji san, the regent…’

/ซาบะ
Accessibility Is Freedom

เขียน ณ​ กรุงเทพมหานคร
08/05/2017 เวลา 3:47pm

 

About saba

เราจะเป็น #หนึ่งพลัง ร่วมเปลี่ยนแปลงสังคม We will be THE ONE who change our country[มานิตย์ ซาบะ อินทร์พิมพ์][Manit Saba Intharapim][マニト・サバ・インサラピム]